O-Ring NBR แม้จะเป็นอุปกรณ์ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของยางกันรั่วซึม แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถใช้ได้กับทุกอุปกรณ์หรืองานทุกประเภท เพราะมีข้อจำกัดในการงานด้วยเช่นกัน หากนำไปใช้งานผิดประเภทอาจทำให้โอริง NBR ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เกิดปัญหาในการใช้งาน ทำให้เกิดการรั่วซึม และเสื่อมสภาพเร็ว เพื่อให้ยางโอริงทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจึงมีข้อควรระวังในการใช้งานมาบอกกัน
O-Ring NBR ไม่ควรใช้กับงานประเภทไหน?
- เชื้อเพลิงที่มีความเข้มข้นสูง O-Ring NBR แม้จะสามารถใช้งานกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้แต่ก็ไม่เหมาะสำหรับเชื้อเพลิงที่มีความเข้มข้นสูงเพราะจะทำให้เสื่อมสภาพ
- ตัวทำละลายที่มีขั้ว เพราะโอริงไนไตรล์มีความเป็นขั้วบวกจึงไม่เหมาะสำหรับการใช้งานกับตัวทำละลายที่มีขั้วต่าง ๆ
- น้ำมันเบรก สามารถใช้ในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์ได้แต่ไม่ควรใช้กับน้ำมันเบรก
- กรด คลอรีน ไฮโดรคาร์บอนอะโรเมติก และสารเคมี เช่น กรดซัลฟิวริก กรดไนตริก กรดไฮโดรคลอริก อะซิโตน คีโตน เอสเทอร์
- งานที่มีแรงกดสูง แม้จะมีความยืดหยุ่นสูงแต่ก็มีความต้านทานที่จำกัด จึงไม่เหมาะกับงานที่มีแรงกดหรือแรงบีบสูงเกินไป
- งานที่อุณหภูมิต่ำกว่า -40°C และสูงกว่า 120°C
- สภาพแวดล้อมที่มีแสงแดดจัด รังสี UV สูง หรือโอโซน
- ไม่ควรใช้กับวัสดุบางชนิด เช่น ทองแดง สังกะสี อะลูมิเนียม
- ของเหลวชนิดไม่ไวไฟ
O-Ring NBR แบบไหนที่ไม่ควรเลือกใช้?
- โอริงที่ไม่มีคุณภาพ O-Ring NBR ควรผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐานเพื่อคุณภาพที่ดีในการใช้งาน ควรหลีกเลี่ยงการซื้อยางโอริงจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ สินค้าไม่ได้มาตรฐาน
- ราคาถูกจนเกินไป ควรหลีกเลี่ยงการซื้อยางโอริงที่ราคาต่ำกว่าท้องตลาดมากจนเกินไป โดยราคาจะขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวน มีขายแบบเป็นชุดและแบบแยกชิ้น
- เสื่อมสภาพ ฉีกขาดง่าย สามารถทดสอบคุณภาพด้วยตัวเองได้จากการพิจารณาจากสายตาและการสัมผัส หากยืดแล้วฉีกขาดง่าย ผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวแต่ละด้านมีขนาดไม่เท่ากันควรหลีกเลี่ยง
- ไม่ถูกประเภทใช้งาน ควรเลือกใช้งานให้ถูกประเภทเพราะแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติใช้งานที่ต่างกัน ทนต่ออุณหภูมิ ของเหลว และสารเคมีต่าง ๆ ได้ไม่เท่ากัน หากนำ O-Ring NBR ไปใช้ในงานที่อุณหภูมิสูงเกินกว่า 120°C จะทำให้เสื่อมสภาพ
- มีขนาดใหญ่หรือเล็กจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดการรั่วซึมและทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
O-Ring NBR หากเลือกใช้ได้ถูกประเภทก็จะทำให้เกิดประโยชน์ในการใช้งาน แต่หากเลือกใช้ผิดประเภทก็จะทำให้เกิดปัญหาในการใช้งานได้เช่นกัน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่จำกัดและเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานแบบเฉพาะจุดหรือเฉพาะประเภท ทางที่ดีเลือกใช้ให้ถูกประเภทจะดีกว่าเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานและช่วยยืดอายุการทำงานให้เครื่องมือ เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วย