ความแตกต่างที่คุณควรรู้
ในยุคปัจจุบัน ซิลิโคนได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเราอย่างมาก ตั้งแต่ของใช้ในครัวเรือน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ ด้วยคุณสมบัติที่ยืดหยุ่น ทนทานต่อความร้อน และไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมี ทำให้ซิลิโคนเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
อย่างไรก็ตาม ซิลิโคนไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้เหมือนกันทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึง “ซิลิโคนเกรดอาหาร” และ “ซิลิโคนธรรมดา” แม้จะดูคล้ายกัน แต่ทั้งสองประเภทมีความแตกต่างที่สำคัญ ซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการสัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่ม
ซิลิโคนคืออะไร?
ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าซิลิโคนคืออะไร ซิลิโคน (Silicone) เป็นพอลิเมอร์สังเคราะห์ที่ประกอบด้วยซิลิคอน (Silicon) ซึ่งเป็นธาตุที่พบมากเป็นอันดับสองในเปลือกโลก ออกซิเจน คาร์บอน และไฮโดรเจน โครงสร้างโมเลกุลที่เป็นเอกลักษณ์ของซิลิโคนทำให้มันมีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ เช่น:
- ทนทานต่ออุณหภูมิสูงและต่ำ: ซิลิโคนสามารถทนทานต่ออุณหภูมิที่หลากหลาย ตั้งแต่ -50°C ไปจนถึง 230°C หรือสูงกว่านั้นในบางกรณี ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในเตาอบ ไมโครเวฟ ตู้แช่แข็ง
- ยืดหยุ่นและทนทาน: มีความยืดหยุ่นสูง ไม่เปราะง่าย และทนทานต่อการฉีกขาด การเสียรูป
- ไม่ทำปฏิกิริยา: ซิลิโคนเป็นวัสดุที่ไม่ทำปฏิกิริยา ซึ่งหมายความว่าจะไม่ทำปฏิกิริยากับอาหาร เครื่องดื่ม หรือสารเคมีส่วนใหญ่
- ไม่เป็นพิษ: โดยธรรมชาติแล้ว ซิลิโคนเป็นวัสดุที่ไม่มีพิษ อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยจะขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตและสารเติมแต่ง
- กันน้ำ: มีคุณสมบัติกันน้ำได้ดี
- ทำความสะอาดง่าย: พื้นผิวที่เรียบลื่นทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย
ความแตกต่างที่สำคัญ: ซิลิโคนเกรดอาหาร vs. ซิลิโคนธรรมดา
แม้จะมีคุณสมบัติพื้นฐานคล้ายกัน แต่ความแตกต่างระหว่างซิลิโคนเกรดอาหารและซิลิโคนธรรมดาอยู่ที่ มาตรฐานการผลิตและความบริสุทธิ์ของวัสดุ
ซิลิโคนเกรดอาหาร (Food-Grade Silicone)
ซิลิโคนเกรดอาหาร คือซิลิโคนที่ผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อการใช้งานที่ต้องสัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่มโดยตรง ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านความปลอดภัยของอาหาร เช่น องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) หรือหน่วยงานเทียบเท่าในประเทศอื่น ๆ
คุณสมบัติเด่นของซิลิโคนเกรดอาหาร:
- ความบริสุทธิ์สูง: ผลิตจากซิลิโคนที่บริสุทธิ์สูง ปราศจากสารเติมแต่งที่เป็นอันตราย เช่น พลาสติไซเซอร์ (plasticizers) หรือสารเคมีอื่น ๆ ที่อาจรั่วซึมออกมาปนเปื้อนอาหาร
- ไม่ดูดซับกลิ่นและรสชาติ: ไม่ดูดซับกลิ่นและรสชาติจากอาหาร ทำให้มั่นใจได้ว่ารสชาติของอาหารจะไม่เปลี่ยนไป
- ทนทานต่ออุณหภูมิ: สามารถทนทานต่ออุณหภูมิที่ใช้ในการประกอบอาหาร การอบ การแช่แข็ง และการล้างทำความสะอาดได้เป็นอย่างดี โดยไม่เสื่อมสภาพหรือปล่อยสารที่เป็นอันตราย
- ไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมี: ไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับกรด ด่าง หรือไขมันที่พบในอาหาร
- ปลอดภัย 100% สำหรับการบริโภค: เมื่อผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถือว่าปลอดภัยต่อการนำมาสัมผัสกับอาหารและปาก
ตัวอย่างการใช้งาน: อุปกรณ์ทำอาหาร (ตะหลิว, ทัพพี), แม่พิมพ์เบเกอรี่, ภาชนะเก็บอาหาร, จุกนมหลอกเด็ก, ช้อนสำหรับเด็ก, ซีลฝาภาชนะ, อุปกรณ์สำหรับทำไอศกรีม เป็นต้น
ซิลิโคนธรรมดา (General-Purpose Silicone / Industrial-Grade Silicone)
ซิลิโคนธรรมดา หรือซิลิโคนเกรดอุตสาหกรรม เป็นซิลิโคนที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการสัมผัสกับอาหารโดยตรง อาจมีสารเติมแต่งบางชนิดที่ไม่ได้ตั้งใจให้สัมผัสกับอาหาร หรือมีสิ่งเจือปนในกระบวนการผลิตที่อาจไม่ปลอดภัยหากนำไปใช้กับอาหาร
คุณสมบัติเด่นของซิลิโคนธรรมดา:
- มีคุณสมบัติทางกายภาพที่หลากหลาย: อาจมีคุณสมบัติความยืดหยุ่น ความแข็ง หรือการทนทานต่อสารเคมีที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน
- อาจมีสารเติมแต่ง: อาจมีสารเติมแต่งที่ใช้เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติบางอย่าง เช่น สารเพิ่มความคงตัว สารกันเชื้อรา หรือสี ซึ่งสารเหล่านี้อาจไม่ปลอดภัยหากมีการปนเปื้อนเข้าสู่อาหาร
- ไม่ได้รับการรับรองด้านอาหาร: ไม่ได้ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับอาหาร
ตัวอย่างการใช้งาน: ยาแนว (sealant) สำหรับก่อสร้าง, ซีลสำหรับอุตสาหกรรม, ชิ้นส่วนรถยนต์, อุปกรณ์ไฟฟ้า, ของเล่นบางชนิด (ที่ไม่ได้ระบุว่าเกรดอาหาร), อุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิด (ที่ไม่ใช่เกรดสำหรับสัมผัสภายในร่างกายโดยตรง) เป็นต้น
สรุปความแตกต่าง
ทำไมต้องเลือกซิลิโคนเกรดอาหาร?
การเลือกใช้ซิลิโคนเกรดอาหารสำหรับอุปกรณ์และภาชนะที่สัมผัสกับอาหารเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค หากใช้ซิลิโคนธรรมดาที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจมีความเสี่ยงที่สารเคมีที่เป็นอันตรายจะรั่วไหลออกมาปนเปื้อนอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับความร้อน หรือเมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
เมื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ซิลิโคน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ในครัว ภาชนะเก็บอาหาร หรือแม้กระทั่งของเล่นสำหรับเด็กอ่อน ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์นั้นระบุว่าเป็น “ซิลิโคนเกรดอาหาร” (Food-Grade Silicone) หรือมีการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีของทุกคนในครอบครัว