• Phone
  • Map
  • Line
× Send

การปรับเปลี่ยนจากรถดีเซลสู่รถไฟฟ้า (EV) : ก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมสู่การลดคาร์บอนและสร้างโอกาสคาร์บอนเครดิต

ในยุคที่โลกให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก “คาร์บอนฟุตพริ้นท์” ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรม การปรับเปลี่ยนยานพาหนะจาก รถดีเซลสู่รถไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนเครื่องยนต์เท่านั้น แต่คือการเปลี่ยนแนวคิดและทิศทางการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ทำไม “รถไฟฟ้า” ถึงช่วยลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมได้

  1. ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่ง
    รถดีเซล 1 คันปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์โดยเฉลี่ยกว่า 2.6 กิโลกรัมต่อการใช้น้ำมันดีเซล 1 ลิตร ในขณะที่รถไฟฟ้าไม่มีการปล่อยไอเสียโดยตรง ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ทันทีในระดับ “Scope 1” ขององค์กร
  2. เสริมประสิทธิภาพด้านพลังงาน
    รถ EV ใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพกว่ารถสันดาปราว 3 เท่า และยังสามารถชาร์จจากพลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์) ซึ่งช่วยลดคาร์บอนในห่วงโซ่พลังงาน (Scope 2) ได้อีกขั้น
  3. ลดต้นทุนระยะยาว และเสริมภาพลักษณ์องค์กรสีเขียว
    แม้ต้นทุนเริ่มต้นของรถ EV จะสูงกว่า แต่ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาและพลังงานไฟฟ้าต่อกิโลเมตรต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของ “องค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ซึ่งเป็นปัจจัยที่ลูกค้าและคู่ค้าในระดับสากลให้ความสำคัญมากขึ้น

เชื่อมโยงสู่ “คาร์บอนเครดิต” และการบริหารจัดการคาร์บอนในอุตสาหกรรม

เมื่อองค์กรเริ่มปรับเปลี่ยนการขนส่งเป็นรถ EV ปริมาณการปล่อยคาร์บอนที่ลดลงสามารถนำมาคำนวณเป็น คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ได้ ซึ่งคาร์บอนเครดิตเหล่านี้สามารถนำไปใช้ในหลายรูปแบบ เช่น

หน่วยงานอย่าง องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ของประเทศไทย ยังมีแนวทางสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมปรับใช้เทคโนโลยีสะอาด รวมถึงระบบยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมาย “Net Zero Emission” ของประเทศภายในปี 2065

แนวทางเตรียมความพร้อมขององค์กร

แม้การเปลี่ยนรถทั้งหมดอาจยังไม่เกิดขึ้นในทันที แต่อุตสาหกรรมสามารถเริ่มได้จากการ “วางรากฐานที่ถูกต้อง” เช่น

  1. เก็บข้อมูลการใช้งานรถปัจจุบัน เช่น ระยะทางเฉลี่ยต่อเดือน ปริมาณน้ำมันที่ใช้ และการปล่อยคาร์บอนจากการขนส่ง
  2. วิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ (TCO) เพื่อประเมินต้นทุนรวมตลอดอายุการใช้งาน
  3. เริ่มใช้รถ EV ในเส้นทางขนส่งระยะสั้น หรือในเขตเมือง เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในพื้นที่หนาแน่น
  4. พิจารณาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้า ทั้งในโรงงานและจุดขนส่ง
  5. จัดทำรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) เพื่อรองรับการรับรองและขอคาร์บอนเครดิตในอนาคต

สู่อนาคตที่ยั่งยืน – มากกว่าการเปลี่ยนรถ คือการเปลี่ยนแนวคิด

การปรับจากรถดีเซลสู่รถไฟฟ้า ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนด้านเทคโนโลยี แต่คือการลงทุนเพื่ออนาคตของสิ่งแวดล้อม องค์กรที่เริ่มต้นก้าวนี้ก่อน จะได้เปรียบทั้งในด้าน ต้นทุนพลังงาน ภาพลักษณ์ และโอกาสทางธุรกิจจากระบบคาร์บอนเครดิต ซึ่งกำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมโลก “ทุกกิโลเมตรที่ขับด้วยไฟฟ้า คืออีกหนึ่งก้าวสู่โลกที่สะอาดและยั่งยืนกว่าเดิม”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *