ภาษีนำเข้าจากจีน: ภัยเงียบที่อาจสั่นคลอนภาคการผลิตไทย เมื่อโลกไม่เหมือนเดิม “ความเคยชิน” กลายเป็นจุดเสี่ยง ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา จีนคือแหล่งจัดซื้อสุดคุ้มของโรงงานไทย

แต่ในปี 2025 นี้ “สูตรเดิม” อาจใช้ไม่ได้อีกต่อไป…

การเมืองระหว่างประเทศที่ตึงเครียด สงครามการค้าระลอกใหม่ และการฟื้นตัวของชาติตะวันตกทีต้องการ “ลดการพึ่งพาจีน” ล้วนทำให้หลายประเทศเริ่ม “ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน” แบบเงียบๆ แม้ไทยยังไม่มีนโยบายแบบนั้นโดยตรง แต่ผลกระทบ “แทรกซึม” เข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานแล้วเรียบร้อยและที่น่ากลัวคือ ผู้ประกอบการจำนวนมาก ยังไม่รู้ตัว

3 สัญญาณเตือน: คุณกำลังเสี่ยงอยู่หรือไม่?

1. ราคาสินค้าจากจีน “ปรับขึ้นบ่อย” แบบไม่มีเหตุผลชัดเจน

ผู้ผลิตจีนบางรายเริ่ม “ส่งผ่านภาษีทางอ้อม” มายังลูกค้า โดยอ้างค่าบริหารจัดการที่เพิ่มขึ้น ทั้งที่ต้นทุนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

2. เวลานำเข้าเริ่มยืด – โลจิสติกส์จีนไม่แน่นอน

นโยบายควบคุมการส่งออกบางประเภทในจีน รวมถึงขั้นตอนศุลกากรที่เข้มขึ้น ส่งผลให้สินค้าหลายรายการล่าช้าเกินแผนโดยไม่ทราบสาเหตุ

3. ค่าเงินหยวนเหวี่ยงแรง กระทบต้นทุนทันทีที่จ่ายมัดจำ

นโยบายควบคุมเงินหยวนของรัฐบาลจีนทำให้ค่าเงินไม่เสถียร ส่งผลให้ราคา FOB หรือ CIF ที่ตกลงไว้ “เปลี่ยนทันที” เมื่อจะโอนจริง

แล้วภาคการผลิตไทยควรทำอย่างไร?

1. ประเมินความเสี่ยงตาม “หมวดสินค้า”

สินค้ากลุ่มวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนที่จีนผลิตล้นตลาด เช่น ชิ้นส่วนพลาสติก ยางอุตสาหกรรม หรือแม่พิมพ์ทั่วไป มีโอกาสสูงที่จะถูกกีดกันจากประเทศตะวันตก — ซึ่งสะเทือนย้อนกลับมายังไทย

2. กระจายซัพพลายจากจีนสู่แหล่งอื่นที่ไว้ใจได้

เริ่มมองหาแหล่งผลิตในเวียดนาม อินเดีย หรือไทย ที่สามารถผลิตสินค้าได้ในคุณภาพเดียวกัน เช่น ปลั๊กอุดเกลียว, ยางซิลิโคนขึ้นรูป, หรือ ยางวิศวกรรม ที่หลายโรงงานไทยผลิตได้ในมาตรฐานสากล

3. วางแผนจัดซื้อระยะยาวแบบ “ล็อกสัญญา + เงื่อนไขความเสี่ยง”

ใช้สัญญาระยะยาว (Long-term Agreement) ที่มี “เงื่อนไขบริหารความผันผวนของต้นทุน” เช่น การอิงค่าเงิน หรือ Buffer Price เพื่อควบคุมความไม่แน่นอน

เสียงจากโรงงานที่รู้ตัวเร็วกว่า

หลายผู้ผลิตในไทยเริ่มหันมาใช้ ผู้ผลิตชิ้นส่วนยางและพลาสติกในประเทศ เพื่อไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากจีนเต็มๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ทำสินค้าส่งออกไปญี่ปุ่นหรือยุโรป ที่ลูกค้าเริ่มตรวจสอบห่วงโซ่อุปทานอย่างเข้มงวดมากขึ้น เช่น โรงงานหนึ่งในภาคตะวันตกของไทยที่เคยนำเข้าสินค้าจากจีน 100% ได้ปรับกลยุทธ์มาใช้ผู้ผลิตในประเทศกว่า 60% ภายใน 6 เดือน เพื่อควบคุมคุณภาพ + ลดความเสี่ยงจากค่าเงินหยวน และยังพบว่า เวลาส่งของเร็วกว่าเดิม 20%

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *