ในยุคที่คำว่า ESG (Environmental, Social, Governance) กลายเป็นหนึ่งในมาตรฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจ โรงงานและภาคการผลิตที่เคยเน้นเพียงเรื่องต้นทุนและกำลังการผลิต เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับ “ความยั่งยืน” มากขึ้น หนึ่งในกุญแจสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนโรงงานธรรมดาให้ก้าวสู่ผู้นำ ESG คือการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) และการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit)

ทำไม ESG ถึงสำคัญในยุคนี้?

ESG เป็นแนวคิดที่สื่อถึงการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (E – Environment), สังคม (S – Social) และธรรมาภิบาล (G – Governance) ซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาภาพลักษณ์องค์กรแล้ว ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศใช้พิจารณาในการลงทุน

Solar Cell ทางเลือกพลังงานสะอาดที่คุ้มค่า

หลายโรงงานเริ่มติดตั้ง แผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Rooftop) เพื่อลดต้นทุนพลังงานไฟฟ้าในระยะยาว พร้อมทั้งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน การใช้พลังงานสะอาดแบบนี้ ยังช่วยให้โรงงานเข้าสู่ระบบ Net Zero Emission ได้ง่ายขึ้น

ข้อดีของการติดตั้ง Solar Cell ในภาคการผลิต:

Carbon Credit: เปลี่ยนคาร์บอนที่ลดได้ให้เป็นรายได้เสริม

อีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจคือการนำปริมาณคาร์บอนที่ลดได้จากการใช้ Solar Cell ไปขายในตลาด Carbon Credit ซึ่งตอนนี้กำลังเติบโตอย่างมากในประเทศไทยและทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรที่มีการปล่อยคาร์บอนสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหรือธุรกิจโลจิสติกส์

ประโยชน์ของการจัดการคาร์บอนเครดิต:

ตัวอย่างความสำเร็จ: บริษัท เทคนิคอุตสาหกรรม จำกัด

ก้าวเล็กๆ ที่ทรงพลัง สู่โรงงานอุตสาหกรรมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม 

บริษัท เทคนิคอุตสาหกรรม จำกัด ได้ตัดสินใจยกระดับธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยการติดตั้งระบบ Solar Cell บนหลังคาโรงงาน พร้อมทั้งวางแผนเข้าสู่ระบบ ซื้อขายคาร์บอนเครดิต อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับมาตรฐาน ESG

“เราเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยวันนี้ จะเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *